ภาษาอังกฤษเปลี่ยนไปอย่างไรในยุคโซเชียล
ภาษาอังกฤษเปลี่ยนไปอย่างไรในยุคโซเชียล
⸻
1) ภาษาอังกฤษสั้นลง กระชับขึ้น (เพราะคนพิมพ์เร็วขึ้น)
บนโซเชียล การพิมพ์นาน ๆ ไม่สะดวก ทุกอย่างจึงถูก “ย่อ” ลง เช่น
• u / ur / btw / idk / omg / lol
• rly (really)
• tho (though)
• bc / cuz (because)
การใช้คำย่อแพร่หลายจนบางคำถูกยอมรับว่าเป็นภาษาพูดในชีวิตจริงด้วย เช่น “OMG” หรือ “LOL” ที่บางคนพูดออกมาเลย ไม่ใช่แค่พิมพ์
⸻
โซเชียลทำให้คำใหม่เกิดขึ้นทุกวัน เช่น
2) คำใหม่เกิดขึ้นเร็วมาก (เพราะวัฒนธรรมไวรัล)
โซเชียลทำให้คำใหม่เกิดขึ้นทุกวัน เช่น
• DM = ส่งข้อความ
• slay = ทำได้ดีมาก / ปังมาก
• tea = ข่าวเมาท์
• vibe = บรรยากาศ / ความรู้สึก
• stan = แฟนมาก ๆ / สนับสนุนสุดตัว
หลายคำเกิดจาก TikTok, Twitter (X) หรือ IG แล้วแพร่ไปทั่วโลกในเวลาไม่กี่วัน
⸻
โซเชียลทำให้ภาษาไม่ต้องเป็นทางการเสมอไป ประโยคแบบนี้จึงพบบ่อยมาก:
3) น้ำเสียงเปลี่ยน: เป็นกันเอง สนุก และ “ครีเอทีฟ” มากขึ้น
โซเชียลทำให้ภาษาไม่ต้องเป็นทางการเสมอไป ประโยคแบบนี้จึงพบบ่อยมาก:
• “I can’t even.” = แบบว่า…ไม่ไหวแล้วอะ
• “This is so me.” = นี่มันตัวฉันชัด ๆ
• “I’m obsessed.” = ชอบมาก / หลงมาก
ภาษาอังกฤษในโซเชียลเน้นน้ำเสียงอารมณ์มากกว่ารูปประโยคตามไวยากรณ์เดิม
⸻
อีโมจิไม่ได้เป็นแค่ “ภาพ” แต่เป็นส่วนหนึ่งของภาษา เช่น
4) อีโมจิแทนคำพูด
อีโมจิไม่ได้เป็นแค่ “ภาพ” แต่เป็นส่วนหนึ่งของภาษา เช่น
•
ใช้แทน “ขำมากกก”
•
ใช้แทน “ประชดเบา ๆ”
•
ใช้แทน “เราคิดเหมือนกันเลย”
•
ใช้แทน “เฝ้าดูอยู่” / “น่าสงสัยนะ”
บางโพสต์ใช้อีโมจิแทนคำทั้งประโยค เช่น
“Running late
”
“Got the job!! 
”
⸻
เพื่อเน้นอารมณ์ คนเริ่มใช้โครงสร้างไม่เป็นทางการ เช่น
5) ไวยากรณ์ยืดหยุ่นขึ้น (แต่ไม่ได้ผิด)
เพื่อเน้นอารมณ์ คนเริ่มใช้โครงสร้างไม่เป็นทางการ เช่น
• เว้นวรรคแบบแปลก ๆ เพื่อเน้นน้ำหนัก
“so. many. things.”
• ย้ำคำแบบลากเสียง
“Noooo wayyyy”
• ใช้ตัวพิมพ์เล็กหมดเพื่อความเป็นกันเอง
“i’m so tired lol”
ไวยากรณ์เดิมยังคงอยู่ แต่โซเชียลทำให้ “รูปแบบการเขียน” หลากหลาย และยืดหยุ่นมากขึ้น
⸻
บนโซเชียล คนจากหลายประเทศใช้ภาษาอังกฤษร่วมกัน ทำให้เกิดประโยคแบบ “English + ภาษาแม่” เช่น
6) ภาษาอังกฤษกลายเป็นภาษาผสม (เพราะผู้ใช้จากทั่วโลก)
บนโซเชียล คนจากหลายประเทศใช้ภาษาอังกฤษร่วมกัน ทำให้เกิดประโยคแบบ “English + ภาษาแม่” เช่น
• “I’m so hungry naaaa.” (สไตล์ไทย)
• “I go lah.” (สไตล์สิงคโปร์/มาเลเซีย)
• “Aiya why like that?”
ความหลากหลายนี้ทำให้ภาษาอังกฤษพัฒนาแบบ “global English” คือไม่จำเป็นต้องเหมือนเจ้าของภาษาทุกคำ
⸻
บนแพลตฟอร์มที่ต้องแข่งกับเวลา เช่น TikTok และ IG Reel ทำให้ภาษาเน้นเร็ว กระชับ และสนุก อย่างเช่นคำขึ้นต้นแบบนี้:
7) โพสต์สั้น ๆ แต่ต้องสื่ออารมณ์เร็ว
บนแพลตฟอร์มที่ต้องแข่งกับเวลา เช่น TikTok และ IG Reel ทำให้ภาษาเน้นเร็ว กระชับ และสนุก อย่างเช่นคำขึ้นต้นแบบนี้:
• “POV: …”
• “When you…”
• “Tell me you _ without telling me.”
มันไม่ใช่ประโยคตามตำรา แต่คนเข้าใจทันทีจากรูปแบบที่เห็นบ่อย
⸻
สรุป: ภาษาอังกฤษกำลังเปลี่ยน…เพราะเราเปลี่ยน
ยุคโซเชียลทำให้ภาษาอังกฤษ
• สั้นลง
• เร็วขึ้น
• ครีเอทีฟขึ้น
• มีคำใหม่เกิดขึ้นตลอด
• ยืดหยุ่น และเป็นกันเองมากขึ้น
• กลายเป็น “ภาษาโลก” มากกว่าเดิม
ภาษาไม่เคยหยุดนิ่ง และสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้คือพลังของนักพูด–นักพิมพ์ทั่วโลกที่ร่วมกันสร้าง “ภาษาอังกฤษเจเนอเรชันใหม่”

ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น