Grammar ที่คนไทยมักสับสนบ่อย: Present Perfect vs Past Simple
Grammar ที่คนไทยมักสับสนบ่อย: Present Perfect vs Past Simple
การใช้ Present Perfect และ Past Simple เป็นหนึ่งในหัวข้อที่คนไทยมักสับสนเวลาพูด หรือเขียนภาษาอังกฤษ เพราะทั้งสองกาล (Tenses) ใช้พูดถึงเรื่องในอดีตเหมือนกัน แต่ความหมาย และการใช้งานจริงต่างกัน บทความนี้จะช่วยอธิบายให้เข้าใจง่ายขึ้น พร้อมตัวอย่างเปรียบเทียบชัด ๆ

ใช้เมื่อ:
• พูดถึงประสบการณ์ที่เคยเกิดขึ้น แต่ไม่เจาะจงเวลา
• พูดถึงเหตุการณ์ที่เริ่มในอดีต และยังต่อเนื่องถึงปัจจุบัน
• พูดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่ ๆ
โครงสร้าง:
Subject + have/has + Past Participle
ตัวอย่าง:

• I have visited Japan three times. (เคยไป แต่ไม่ได้บอกว่าเมื่อไหร่)
• She has worked here since 2020. (เริ่มทำตั้งแต่ปี 2020 และยังทำอยู่)
• We have just finished the report. (เพิ่งเสร็จ)
⸻
2. Past Simple (V2)
ใช้เมื่อ:

• พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจบไปแล้วในอดีต
• มีการระบุเวลาแน่นอน เช่น yesterday, last year, in 2010
โครงสร้าง:
Subject + Verb 2 (Past Simple)
ตัวอย่าง:

• I visited Japan last year. (ไปปีที่แล้ว จบแล้ว)
• She worked here for 2 years. (ทำงาน 2 ปี แล้วตอนนี้ไม่ได้ทำแล้ว)
• We finished the report yesterday. (ทำเสร็จเมื่อวานนี้)
⸻
จุดที่ทำให้คนไทยสับสน

1. การมี หรือไม่มีการระบุเวลา
• ถ้ามีการบอกเวลาแน่นอน → ใช้ Past Simple
• ถ้าไม่บอกเวลา → มักใช้ Present Perfect
2. ต่อเนื่องถึงปัจจุบันหรือไม่
• ถ้าเรื่องยังมีผลถึงปัจจุบัน → ใช้ Present Perfect
• ถ้าเรื่องจบไปแล้วในอดีต → ใช้ Past Simple
⸻
ตัวอย่างเปรียบเทียบ

•
Present Perfect: I have lived in Bangkok for 10 years.
(อยู่มา 10 ปีแล้ว และยังอยู่จนถึงตอนนี้)

•
Past Simple: I lived in Bangkok for 10 years.
(เคยอยู่ 10 ปี แต่ตอนนี้ไม่ได้อยู่แล้ว)
⸻
สรุป


• Present Perfect → ประสบการณ์, ต่อเนื่องถึงปัจจุบัน, เพิ่งเกิดขึ้น
• Past Simple → เรื่องราวที่จบไปแล้วในอดีต มีเวลาชัดเจน
การเลือกใช้กาลให้ถูกต้อง จะทำให้ประโยคของคุณแม่นยำ และมืออาชีพยิ่งขึ้น
⸻
หากคุณอยากพัฒนาภาษาอังกฤษด้าน Grammar หรืออยากให้เราช่วยตรวจแก้ประโยคให้ถูกต้อง C TRANSLATION พร้อมช่วยคุณทุกขั้นตอน

ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น